นิยาย

[แปล]Secret Garden: ตอนที่ 1 ไม่มีใครรอด

date
Apr 10, 2023
slug
secret-garden-1
author
status
Public
tags
Secret garden
summary
เมื่อแมรี่ เลนน็อกซ์ถูกส่งไปที่คฤหาสน์ มิสซิธเวธเพื่ออาศัยอยู่กับลุงของเธอ ทุกคนบอกว่าเธอเป็นเด็กที่หน้าตาไม่เป็นมิตรที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ซึ่งมันเป็นจริงเสียด้วย เธอมีใบหน้าที่ผอมบางและร่างกายที่ผอมบาง ผมสีอ่อนและใบหน้าที่บึ้งตึง…
type
Post
thumbnail
category
นิยาย
updatedAt
Apr 10, 2023 04:33 AM
Secret Garden / ตอนที่ 1
เขียนโดย Frances Hodgson Burnett (ชาตะ ค.ศ.1924)
แปลโดย Rin Linin
 
เมื่อแมรี่ เลนน็อกซ์ถูกส่งไปที่คฤหาสน์ มิสซิธเวธเพื่ออาศัยอยู่กับลุงของเธอ ทุกคนบอกว่าเธอเป็นเด็กที่หน้าตาไม่เป็นมิตรที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ซึ่งมันเป็นจริงเสียด้วย เธอมีใบหน้าที่ผอมบางและร่างกายที่ผอมบาง ผมสีอ่อนและใบหน้าที่บึ้งตึง ผมของเธอเป็นสีเหลือง และใบหน้าของเธอเป็นสีเหลือง เพราะเธอเกิดในอินเดียและมีอาการป่วยไม่ทางใดก็ทางหนึ่งมาโดยตลอด
พ่อของเธอทำงานอยู่ภายใต้รัฐบาลอังกฤษ และยุ่งหรือป่วยหนักอยู่เสมอ และแม่ของเธอเป็นสาวสวยที่เอาแต่จะไปงานปาร์ตี้อย่างสนุกสนานและสังสรรค์เท่านั้น เธอไม่ต้องการเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เลย และเมื่อแมรี่เกิดมา แม่ของเธอก็ส่งเธอไปอยู่กับอายาร์ ผู้ซึ่งเข้าใจว่าถ้าเธอต้องการเอาใจคุณผู้หญิง เธอต้องเก็บเด็กให้พ้นสายตาเธอให้มากที่สุด
ดังนั้นตั้งแต่เธอยังเป็นทารกป่วยอ่อนแอ น่าเกลียด เธอจึงถูกกันออกไป และเมื่อเธอกลายเป็นเด็กหญิงที่ป่วยอ่อนแอ น่าเกลียด และเพิ่งหัดเดิน เธอก็ถูกกันออกไปเช่นกัน เธอจึงคุ้นชินแค่ใบหน้ามืดๆของอายาห์และคนรับใช้พื้นเมืองคนอื่นๆ และพวกเขาก็เชื่อฟังเธอเสมอพร้อมกับตามใจเธอในทุกสิ่ง เพราะคุณผู้หญิงจะโกรธถ้าเธอถูกรบกวนจากเสียงร้องไห้ของเธอ
เมื่อตอนที่เธออายุได้ 6 ขวบ เธอก็เป็นเหมือนหนูน้อยที่เห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจที่สุดที่ใครจะเคยได้เจอ อาจารย์สาวชาวอังกฤษที่มาสอนให้เธออ่านและเขียน ไม่ชอบเธอมากจนเธอลาออกภายในสามเดือน และเมื่ออาจารย์คนอื่นๆ พยายามมาแทนที่ พวกเขาก็จากไปในเวลาที่สั้นกว่าครั้งแรกเสมอ ดังนั้น ถ้าแมรี่ไม่ได้เลือกที่จะเรียนวิธีการอ่านหนังสือจริงๆ เธอคงไม่รู้จักตัวอักษรเลยซักตัว

 
เช้าวันหนึ่งที่ร้อนอบอ้าวอย่างมาก เมื่อเธออายุได้ประมาณเก้าขวบ เธอตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก และเธอก็ชะงักเมื่อเห็นว่าคนใช้ที่ยืนอยู่ข้างเตียงของเธอไม่ใช่อายาห์ของเธอ
“เธอมาทำไม” เธอพูดกับหญิงแปลกหน้าคนนั้น “ฉันไม่เอาเธอหรอก ส่งอายาห์มาให้ฉัน! เดี๋ยวนี้”
ผู้หญิงคนนั้นดูหวาดกลัว เธอได้แต่พูดตะกุกตะกักว่าอายาห์มาไม่ได้ และเมื่อแมรี่ทุ่มตัวเองไปทุบตีและเตะเธอ ทำให้เธอดูหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น เธอได้แต่ย้ำว่าอายาห์มาหาคุณหนูไม่ได้
เช้าวันนั้นสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาด ไม่มีอะไรปกติ และดูเหมือนคนใช้อินเดียหลายคนได้หายตัวไป ในขณะที่คนที่แมรี่เห็นก็เดินขาสั่นอืดอาด ไม่ก็วิ่งไปด้วยใบหน้าซีดเซียวหวาดกลัว
แต่ไม่มีใครบอกอะไรกับเธอเลย และอายาร์ของเธอก็ไม่มาหา เธอถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในตอนเช้า และในที่สุดเธอก็เดินออกไปในสวนและเริ่มเล่นคนเดียวใต้ต้นไม้ใกล้เฉลียง เธอแสร้งทำเตียงดอกไม้ และติดดอกชบาสีแดงขนาดใหญ่ลงในกองดิน เธอเริ่มโกรธขึ้นเรื่อยๆ และพึมพำกับตัวเองในสิ่งที่เธอจะล้อเลียนคนใช้ เมื่อเธอกลับมา
"หมู! หมู! ยัยลูกหมู!” เธอพูด เพราะการเรียกคนพื้นเมืองว่าหมูเป็นการดูถูกที่แย่ที่สุด
แมรี่กัดฟันพูดซ้ำ ๆ ต่อจากนั้นเธอก็ได้ยินว่าแม่ออกมาที่ระเบียงกับใครสักคน เธออยู่กับชายหนุ่มที่หล่อเหลาและพวกเขายืนคุยกันด้วยน้ำเสียงแปลกๆ แมรี่รู้จักชายหนุ่มหน้าตาดีที่ดูเหมือนเด็กผู้ชายคนนี้ เธอได้ยินมาว่าเขาเป็นนายทหารหนุ่มที่เพิ่งมาจากอังกฤษ เด็กหญิงจ้องไปที่พวกเขา แต่เธอจ้องมาที่แม่ของเธอมากที่สุด เธอมักจะทำอย่างนี้เสมอเมื่อมีโอกาสได้พบเธอ เพราะ คุณผู้หญิง — แมรี่เรียกเธอแบบนี้บ่อยๆ— เป็นคนสูง ผอมเพรียว และสวมเสื้อผ้าที่น่ารัก ผมของเธอเหมือนไหมเรียวยาว และเธอมีปากนิด จมูกหน่อย ดวงตาที่กลมโต เสื้อผ้าของเธอบางเบาราวกับจะลอยได้ ซึ่งแมรี่อธิบายว่า “เต็มไปด้วยลูกไม้” เมื่อเช้านี้ชุดคุณผู้หญิงดูมีลูกไม้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ดวงตาของเธอกลับไม่ร่าเริงเลย ดูเบิ่งโตและหวาดกลัว ตาเธอช้อนขึ้นอย่างอ้อนวอนไปที่ใบหน้าของเจ้าหน้าที่หนุ่ม
“มันแย่ขนาดนั้นเลย? จริงเหรอ?” แมรี่ได้ยินเธอพูด
“แย่ยิ่งกว่านั้นอีก” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “แย่มากๆ คุณนายเลนน็อกซ์ คุณควรจะไปที่เนินเขาเมื่อสองสัปดาห์ก่อน”
คุณผู้หญิงบิดมือของเธอ
“โอ้ ฉันรู้ว่าฉันควรไป!” เธอร้อง “แต่ฉันอยู่เพื่อไปงานดินเนอร์โง่ๆ นั้น ฉันมันโง่อะไรอย่างนี้!”
ในขณะนั้นเองเสียงคร่ำครวญดังก้องออกมาจากห้องพักของคนใช้ คุณผู้หญิงตกใจแล้วไปเกาะแขนของชายหนุ่มไว้ และแมรี่ก็เริ่มยืนตัวสั่นเทา เสียงคร่ำครวญยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ "นั้นอะไร? เกิดอะไรขึ้น?" คุณนายเลนนอกซ์อ้าปากค้าง
“มีคนเสียชีวิต” เจ้าหน้าที่หนุ่มตอบ “คุณไม่ได้บอกว่ามันระบาดในหมู่คนใช้ของคุณนี้”
"ฉันไม่รู้!" คุณผู้หญิงร้อง "มา! ตามฉันมา!" และเธอก็หันหลังวิ่งเข้าไปในบ้าน

 
หลังจากนั้น ก็เกิดเรื่องน่าตกใจขึ้น และความลึกลับของรุ่งเช้าวันนั้นก็ถูกอธิบายให้แมรี่ฟัง อหิวาตกโรคได้ระบาดอย่างรุนแรง และผู้คนก็ล้มตายเหมือนมดแมลง อายาร์มีอาการเมื่อคืน และเป็นเพราะเธอเพิ่งเสียชีวิต คนใช้จึงได้คร่ำครวญในกระท่อม ก่อนวันรุ่งขึ้น คนรับใช้อีกสามคนเสียชีวิต และคนอื่นๆ หนีไปด้วยความหวาดกลัว มีความตื่นตระหนกทุกหนทุกแห่งและผู้คนที่กำลังจะตายในบังกะโลทุกๆหลัง
ระหว่างความสับสนและอลมานในวันที่สอง แมรี่ซ่อนตัวอยู่ในห้องเลี้ยงเด็กและถูกลืมไปจากใจของทุกคน ไม่มีใครคิดถึงเธอ ไม่มีใครต้องการเธอ และมีสิ่งประหลาดเกิดขึ้นซึ่งเธอไม่รู้อะไรเลย แมรี่ร้องไห้และหลับสลับกันไปตลอดหลายชั่วโมง เธอรู้เพียงว่ามีคนป่วยและได้ยินเสียงลึกลับและน่ากลัว เมื่อเธอคืบคลานเข้าไปในห้องอาหารและพบว่ามันว่างเปล่า แม้ว่าอาหารที่ทำเสร็จแล้วบางส่วนจะอยู่บนโต๊ะ เก้าอี้และจานก็ดูราวกับว่าพวกเขาถูกผลักกลับอย่างเร่งรีบเมื่อผู้มารับประทานอาหารลุกขึ้นกระทันหันด้วยเหตุผลบางอย่าง เด็กหญิงกินผลไม้และขนมปังกรอบ และด้วยความกระหาย เธอจึงดื่มไวน์ที่เกือบเต็มหนึ่งแก้ว มันหวานและเธอไม่รู้ว่ามันแรงแค่ไหน ในไม่ช้ามันก็ทำให้เธอง่วงมาก และเธอก็กลับไปที่ห้องเลี้ยงเด็กและขังตัวเองอีกครั้ง เธอตกใจกับเสียงร้องที่เธอได้ยินในกระท่อมและเสียงเท้าที่เร่งรีบ ไวน์ทำให้เธอง่วงมากจนลืมตาไม่ขึ้น และเธอก็นอนลงบนเตียงและไม่รู้สึกตัวอีกเป็นเวลานาน
หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เธอนอนหลับสนิท แต่เธอไม่หวั่นไหวกับเสียงคร่ำครวญและเสียงสิ่งของต่างๆกระทบกันจากการเข้าๆ ออกๆในบังกะโลอีกแล้ว

 
เมื่อเธอตื่นขึ้น เธอก็นอนจ้องไปที่กำแพง บ้านยังคงเงียบสงบ เธอไม่เคยรู้ว่ามันจะเงียบขนาดนี้มาก่อน เธอไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าใด ๆ และสงสัยว่าทุกสิ่งกลับมาปกติ และทุกคนหายจากอหิวาตกโรคแล้วหรือยัง จากนั้นเธอก็สงสัยว่าใครจะมาดูแลเธอ เมื่อตอนนี้อายาห์ของเธอตายแล้ว น่าจะมีอายาห์คนใหม่มาแทนที่ และบางทีเธออาจจะรู้เรื่องเล่าใหม่ ๆ แมรี่ค่อนข้างเบื่อหน่ายกับคนเก่า เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะอายาห์ของเธอเสียชีวิต เธอไม่ใช่เด็กที่น่ารักและไม่เคยแคร์ใครมาก่อน เสียงดังกึกก้องไปทั่วและเสียงคร่ำครวญเพราะอหิวาตกโรคทำให้เธอหวาดกลัว และเธอก็โกรธเพราะดูเหมือนไม่มีใครจำได้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนตื่นตระหนกเกินกว่าจะนึกถึงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครชอบ เมื่อคนเป็นอหิวาตกโรค ดูเหมือนว่าพวกเขาจะจำอะไรไม่ได้นอกจากตัวเอง แต่ถ้าทุกคนหายดีแล้ว คงมีคนจำได้และมาหาเธอ
แต่ไม่มีใครมา และเมื่อเธอนอนรอ บ้านก็ดูเงียบลงเรื่อยๆ เธอได้ยินเสียงบางอย่างดังสนั่นบนพื้นปูเสื่อ และเมื่อเธอมองลงไป เธอเห็นงูตัวเล็ก ๆ เลื่อนไปมาและมองดูเธอด้วยดวงตาราวกับอัญมณี เธอไม่ตกใจเพราะมันเป็นสิ่งเล็กๆ ตัวจ้อย ที่ไม่เป็นอันตรายและจะไม่ทำร้ายเธอ และดูเหมือนเขาจะรีบออกจากห้อง มันเล็ดลอด ลอดใต้ประตูขณะที่เธอมองดูเขา
“มันแปลกมาก… เงียบมาก” เธอกล่าว “เหมือนไม่มีใครอยู่ที่นี้ ยกเว้นฉันกับงูตัวนี้”
นาทีถัดมา เธอได้ยินเสียงฝีเท้าในบริเวณนั้นบนเฉลียง เป็นเสียงฝีเท้าของผู้ชาย และพวกเขาก็เข้าไปในบังกะโลและพูดคุยด้วยเสียงค่อยๆ ไม่มีใครไปต้อนรับหรือพูดคุยกับพวกเขา และดูเหมือนพวกเขาจะเปิดประตูและมองเข้าไปในห้องต่างๆ “ความวังเวงนี้มันอะไรกัน!” เธอได้ยินเสียงหนึ่งพูด “ผู้หญิงสวย ๆ คนนั้น! แล้วก็เด็กด้วย ฉันได้ยินมาว่ามีเด็กคนหนึ่ง แต่ไม่มีใครเคยเห็นเธอเลย”
แมรี่ยืนอยู่กลางห้องเลี้ยงเด็กเมื่อพวกเขาเปิดประตูไม่กี่นาทีต่อมา เธอดูน่าเกลียด และกำลังขมวดคิ้วเพราะเธอเริ่มหิวและรู้สึกถูกทอดทิ้งอย่างอัปยศ ชายคนแรกที่เข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ตัวใหญ่ที่เธอเคยเห็นคุยกับพ่อของเธอ เขาดูเหนื่อยและกังวล แต่เมื่อเห็นเธอ เขาก็ตกใจจนแทบจะกระโดดถอยหลัง
“บาร์นี่!” เขาร้องออกมา “มีเด็กอยู่ที่นี่! เด็กคนเดียว! ในสถานที่แบบนี้! พระเจ้าเมตตาพวกเราด้วย เธอเป็นใคร!”
“ฉันชื่อแมรี่ เลนน็อกซ์” เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ พูด แล้วยกตัวเองขึ้นอย่างแข็งทื่อ เธอคิดว่าชายคนนี้หยาบคายมากที่เรียกบังกะโลของพ่อว่า “ที่แบบนี้!” “ฉันผล็อยหลับไปเมื่อทุกคนเป็นอหิวา และฉันเพิ่งตื่นนอนเท่านั้น ทำไมไม่มีใครมาหาฉัน”
“นี้คือเด็กที่ไม่มีใครเคยเห็น!” ชายคนนั้นหันไปหาเพื่อนของเขา “เธอถูกลืมไปแล้วจริงๆ!”
“ทำไมฉันถึงถูกลืม?” แมรี่พูดพลางกระทืบเท้า “ทำไมไม่มีใครมา?”
ชายหนุ่มที่ชื่อบาร์นี่ย์มองเธออย่างเศร้าสร้อย แมรี่ถึงกับคิดว่าเธอเห็นเขาขยิบตาราวกับจะร้องไห้
“เด็กน้อยผู้น่าสงสาร!” เขาพูด “ไม่ใครรอดกลับมาหาเธออีกแล้ว”
และนี้ก็เป็นครั้งแรกที่แมรี่พบว่าเธอไม่มีพ่อหรือแม่อีกแล้ว พวกเขาเสียชีวิตและถูกพาตัวไปในตอนกลางคืน เป็นการจากไปอย่างแปลกประหลาดและฉับพลัน และคนรับใช้พื้นเมืองไม่กี่คนที่ยังไม่ตายก็รีบหนีออกจากบ้านอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่มีใครจำได้ด้วยซ้ำว่ายังมีคุณหนูคนนี้อยู่ นั่นเป็นเหตุผลที่สถานที่แห่งนี้นั้นเงียบมาก มันเป็นความจริงที่ไม่มีใครในบังกะโลนอกจากตัวเธอและงูน้อยตัวนั้น

 
written by human